วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

"The Grass Throne"



....." lalalalalalala!! LaallHmhemhmemhemm....
Melody from the sky,
Rhythm from The God and The Goddess,
Music from The Buddha,
My torn flood flowing as the river,
Sathu!! The Land and The Air..
which apart of create my body,
what gives me breathe
I,Minervenus be beginning to singing...
The Song of my path the ways!!
my forehead touch the land as deepest mind,
understood all without interpreting and sign..
Sathu!!the hamble be down to the earth...,
I'm standing to look at around,
Once these time come to true me,
I'm sitting The Grass Throne ,
without curious the philosphy of the world,
without the poems from the Greatest poet.....
But The poem from the Greatest Natural Greatest..
I worship and kneel...
Sathu!! The Grass Throne ..what I love ..
what I interprete.....
what I touch ......
what I passionate.....
what I'm down to the earth ..
Could let me be such as The Grass Throne....
by the world..
by the land....
by the mountain...
by the ocean...
by ...ect .....
"smsmsms la lalala lalalalalala....



วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

"The Saint,I love you"



"while didn't met you,
I was crazy around,
No aimed....,
Without future,
Passing the day by day,
On that the date,
Mad word appeareance from me,
"FFFFFFFFFFF",
As the destiny brought me,
I have accepted to know ..
How is love,
How is false,
As beautiful stupid!!
I Love you The Saint!!"
.......The One love you!



วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

Thai novel(((ซากทรมาน)))))


ซากทรมาน!!!!
1…………………โดย กูฏ โชติรสกุล
ค่ำคืนแห่งความเวิ้งว้าง หญิงสาววัย 34 ปี ได้หวนคำนึงถึงความรวดร้าวในอดีต 6 ปีที่ผ่านมา มันทำให้เธออยู่ในภวังค์ของความเจ็บปวดกับคำที่คนเขาเรียกกันว่า……..”คนรัก”…..”เพื่อน”…แล้วคำถามที่ยังเกิดขึ้นในจิตใจของเธอคือคำว่า
ทำไม? มันช่างร้าวรานยิ่งนัก พลันเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น ทำให้ศศิต้องตื่นขึ้นจากภวังค์ แล้วเธอก็เดินไปเปิดประตูคอนโดมิเนียมที่เธออยู่
“อ้าว!พร ฉันตื่นเต้นมากเหลือเกินที่ไม่ได้เจอเธอ มานานแล้ว”ศศิทักทายด้วยกอาการประหนึ่งสงสัยและตื่นเต้นที่เพราะว่าไม่ได้เจอหน้าวิรินทร์มาหลายปีแล้ว หลังจากเหตุ
การณ์ของชีวิตในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมายังคงฝังลึกอยู่ข้างในจิตใจของศศิ
“ต๊ะฉันตามหาเธอแทบพลิกแผ่นดินเธอหาตัวยากมากเลยน่ะ”วิรินทร์ยังเปรยออกมายังความเต็มเปี่ยมด้วยความดีใจที่ได้ค้นเจอคนที่เธอต้องการที่จะสารภาพความจริงและตราบาปที่เธอได้ก่อไว้ด้วยความตั้งใจ เนื่องเพราะคำว่า”ริษยา”ที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ธรรมดาทุกคนเช่นเธอ ดังนั้นจึงต้องการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับศศิให้ฟังเพียงเพื่อที่จะให้บาปที่เธอได้กระทำลงไปนั้น
มันพร้อมที่จะให้อภัยเธอแม้เพียงเสี้ยวหนึ่งของรอยมนทิลทีเธอได้หยิบยื่นให้กับใจที่มันเดียงสาของศศิ
“ทำไมหล่ะพร?เธอก็รู้อยู่แล้วว่าวิถีชีวิตของฉันมันเป็นอย่างไรในสิ่งที่ฉันต้องการด้วยจิตใจที่มั่นคง
และอุทิศเพื่อมันและความทรงจำที่รวดร้าวในสิ่งที่ไม่ได้กระทำแม้เพียงเสี้ยวใจ” คำพูดของศศิช่างทรงพลังและแฝงไปด้วยอำนาจมนต์ขลังที่เเสนยากจะหยั่งถึงมันเพราะตัวของศศิเป็นคนที่ยากจะอ่านความคิดและการกระทำได้ยากถึงแม้จะเป็นคนที่จริงใจและวาจาที่มั่นคง เช่นนั้นคำพูดของศศิเปรียบเสมือนคมกระบี่ที่ได้ทิ่มแทงเข้าไปข้างในใจของวิรินทร์มากที่สุด ชลอยแววตาของศศิมี
แต่ความลึกลับและหน้าพิศวงมองมาที่วิรินทร์ เสี้ยวอารมณ์หนึ่งของวิรินทร์สะท้านกลัวคล้ายกับว่าได้โดนอำนาจที่ไม่สามารถต้านทานได้มาครอบครองทั้งจิตใจและวิญญาณของเธอ หญิง
สาวที่ร่างระหงและเซ็กซี่อย่างศศิ มันช่างมีพรสวรรค์หลายอย่างที่พระเจ้าได้ประทานพรให้เธอ
เช่นนี้เล่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ใกล้ชิดกับเธอพร้อมที่จะพลี และอุทิศทุกอย่างที่เธอต้องการแม้กระทั่งหญิงสาวทั่วไปที่ได้คบหาสมาคมหรือได้พูดคุยด้วยต่างก็หลงใหลในความเป็นตัวของเธอ
จนคนอย่างสุดาต้องการที่จะทำลายและต้องการให้ศศิหายไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอย ความ
ฉลาดที่แสนจะแยบยลกับความที่เธอมีทุกบุคคลิกในตัวเธอ ทำให้รอดพ้นจจากเงื้อมมืมัจจุราช
อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ทว่าความหยิ่งทรนงและความเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นของศศิก็เสมือน
ว่า เธอมีความทุกข์ที่ลึกสุดขั้วหัวใจที่เธอไม่ต้องการให้ใครได้ล่วงรู้ความทรมานที่มีอยู่ในจิตใจของเธอดังนั้นธอจึงมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ปรากฏต่อหน้าผู้คน ทั้งที่สิ่งนั้นมันแฝงไปด้วยความน่ากลัวกับการที่เธอแสดงออก ยิ่งคิดวิรินทร์ก็ยิ่งเพิ่มความกลัวกับบุคคลิกที่น่ากลัวของศศิ เธอไม่
ใช่เทพยดาหรือนางฟ้าแต่เธอหยั่งรู้สถานการณ์ราวกับตาเห็น แต่เธอผิดพลาดกับเหตุการณ์ตรงนั้น เพียงเพราะ “คนรัก” “ความรักที่แท้จริง” และ “สัจจะที่มีให้ไว้กับเพื่อน” นี่แหละศศิผู้ที่พ่ายแพ้อย่างยับเยินกับสิ่งนี้ แต่ว่าวันนี้เธอไม่มีรักแล้ว และเธอลืมคำว่าเพื่อนไปแล้วยิ่งทำให้เธอดูเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมอีก ศศิเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เกิดมาในครอบครัวข้าราชการชั้นผู้นัอยในจังหวัดอุบล
ราชธานีดังนั้นการดำรงนาวาชีวิตในเมืองหลวงอย่างเช่นกรุงเทพ มันทำให้เธอเปรียบเทียบข้อแตกต่างทุกรูขุมขนแห่งการ พาตัวเองดิ้นรนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เธอฉลาดที่จะคงอยู่ ใช่คนอย่างศศิทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
“ต๊ะฉันเข้าใจเธอมาตลอด และฉันก็คิดว่าฉันรู้จักเธอดี ถึงแม้มันไม่มากเท่ากับการทีเธอรู้จักตัวเธอเองก็ตาม ดังนั้นฉันจะเล่าความจริงในตอนนั้นให้เธอฟังทุกอย่างโดยละเอียดเลย”
ท่าทางของ วิรินทร์ที่แสดงออกและน้ำเสียงดูจริงใจและเห็นใจของศศิ
“พร เราเข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างดี ถึงแม้ว่าตอนนั้นเรา โดนคนอย่างกิหักหลังและโกหกเราอย่างหน้าด้านๆ” ศศิพูดพร้อมกับเม้มปากและน้ำเสียงที่เยือกเย็น จนทำให้วิรินทร์กลัวขึ้นอย่างจับใจทั้งที่ต้องการให้ความจริงมันกระจ่างจากปากของเธอ แต่ทว่าใจหนึ่งเธอคิดว่าศศิรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเรียบร้อย
“ฮ้า! หรือว่าเธอรู้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว” วิรินทร์คิดในใจ แต่ทว่าเพียงพริบตาวิริรนทร์ได้ฟุปลงกองอยู่บนพื้น
……………………………………………………………………………………………
ในปี 2543 หญิงสาวร่างเพรียวระหง ท่าทางคล่องแคล่ว ว่องไวได้เดินเข้าไปในร้าน KFC
แถบย่านมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ ที่ถนนหัวหมาก
“ไอ้ต๊ะฉันอยู่ทางนี้ โว้ย” พรวาด ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของศศิ “ด้ส่งเสียงเรียก
“แหม!แก น่าจะใช้ ไมโครโฟนน่ะเพราะว่า ฉันไม่ค่อยได้ยิน” ศศิสัพยอกเพื่อน
“เหอะน่า แกไม่ต้องพูดจา กระเเนกระแหนฉันหรอก ฉันแทบที่พูดออกมาเป็นภาษา
ต่างด้าวอยู่แล้ว”
“ต๊ะ ฉันว่าแกเป็นคนที่เฟอร็เฟ็กลิสว่ะ แต่แกบ้ายุและขี้งอนว่ะ”
“ไอ้ติ๊กฉันไม่มีอารัมภบทแล้วน่ะ ฉันได้งานที่บริษัท ทอร์สัน ไอ ทีแล้ว”
“ที่ไหนว่ะแก”
“ที่แถวเช็นทรัล ชิดลมน่ะแก ตรงอาคารสำเร็จพานิชย์ ชั้นที่ 11 ทั้งอาคารเป็นออฟฟิศ ให้เช่าแทบ
ทั้งหมดเลย”
“แล้วแกจะได้ทำตำแหน่งอะไรหล่ะ”
“เสมียนว่ะแก แต่ภาษาอังกฤษต้องเก่งน่ะ เพราะเป็นบริษัทที่ติดต่อกับธุระกิจต่างชาติ แต่ไม่มี
ปัญหาสำหรับฉันหรอก”
“แต่ว่าบริษัทนี้ชื่อมัน คุ้นๆยังไงก็ไม่รู้”
“แล้วแกจะเริ่มงานตอนไหน”
“วันพรุ่งนี้เลย”
…………………………………………………………………………………………………
ตอนเช้าที่บริษัท ทอร์สัน ไอที คอมพานี่ลิมิดเตด
“คุณ ศศิครับ!!lสัญญาที่ทางบริษัท ได้ระบุไว้คุณอ่านเข้าใจโดยละเอียดแล้วน่ะ”
วชิยุทธ ยศพรหม พูดด้วยน้ำเสียงที่เนิบนาบและชัดเจน เขามีหุ้นส่วนในบริษัทนี้ อายุ
30 ปี บุคคลิกท่าทางเป็นคนหัวก้าวหน้า ถึงแม้ เขาจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เขาได้รับดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอก จาก มหาวิทยาลัย ฟีนิกซ์ ทางด้านการบริหาร การตลาด รูปร่างถอดแบบนักเรียนนอก ที่ไม่อ้วนเบอะบ๊ะ แต่ว้า ดูดี สันทัด รับกับแววตาที่บ่งบอกว่าเป็นหนุ่มไฟแรง ถึง
แม้ว่าจะเป็นหน้าตาที่ผิวพรรณ จะยังคงได้รับมาจากบรรพบุรุษที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนก็ตาม
“ค่ะ ดิฉัน ได้อ่านและทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เสียงของเธอตอบด้วยท่าทางที่ฉะฉานและเชื่อมั่นในตัวเองมาก ซึ่งทำให้ วชิยุทธ ภูมิใจ ในกิริยา ท่าทางของพนักงานใหม่คนนี้ แต่ว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้ราวกับว่าอบอุ่นใจที่ได้ สัมผัสกับบุคคลิกของเธอ
“งั้น คุณเริ่มงานวันนี้เลยน่ะ แล้วผมจะแนะนำเลขาซึ่งจะเป็นคนคอยแนะนำ ระบบการทำงานที่นี่
และให้เรียนรู้ไปจากการแนะนำของเธอ”
…………………………………………………………………………………
“คุณศศิค่ะงานที่เราจะเริ่มต้นกันมีแค่ที่ต้องการให้คุณติดต่อกับลูกค้าโดยการแปลข้อมูลที่เกี่ยวข้องทางด้านการติดต่อกับลูกค้าที่สำคัญทางด้านภาษอังกฤษ ซึ่งดิฉันได้อ่านประวัติการสมัครงานของคุณทำให้ดิฉันมั่นใจได้เต็มที่เลยว่าคุณสามารถทำได้ดีเลยทีเดียว”น้ำเสียงที่สุดาได้พูดออกทำให้คนอย่างศศิยากที่จะสนทนาด้วย แต่ก็ช่างเถอะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ดวงตาที่เล็กเรียวของสุดาพร้อมใบหน้าที่กระเดียดไปทางคนจีนที่ค่อนข้างกลมเกลี้ยงของเธอเหมือนจะกำลังอธิบายบ้างอย่างที่ไม่มีใครสามารถล่วงรู้มันได้ ร่างที่อวบอิ่มดูแล้วมีเสน่ห์เย้าย้วนที่เพียงชายชาตรีจะพึ่งแลมองมิได้ปราศจากการสิเสน่หานั้นแล้วไม่ พร้อมกับจริตเยี่ยงมารยาของสตรีที่พรั่งพร้อมของสุดา พึงแลมองทำให้ยากที่จะแลตาไปที่อื่น มันช่างเป็นใบหน้าที่ชวนมองยิ่งนัก
“ค่ะแต่ทว่าดิฉันอยากให้คุณสุดาเป็นคนที่ให้คำแนะนำเพราะดิฉันไม่มีประสบการณ์การทำงานทางด้านนี้ มีเฉพาะทางด้านภาษาเท่านั้น” คำพูดของศศิเป็นคำพูดที่ซื่อและแฝงไปด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง “อ้อ!ค่ะดิฉันจะเป็นคนที่ให้คำแนะนำคุณเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกค่ะเพราะมันเป็นหน้าที่ของดิฉันที่ต้องให้คำปรึกษากับคุณ” คำพูดของเธอเน้นทุกถ้อยคำ
“ค่ะ!ดิฉันรู้สึกขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะต้องเริ่มงานกันแล้วหล่ะน่ะ”
“ตกลงค่ะดิฉันพร้อมแล้วค่ะ”
บรรยากาศแห่งการเริ่มต้นของก้าวเเรกของการทำงานได้เริ่มต้นขึ้นโดยที่ศศิให้ความใส่ใจในการทำงานอย่างเต็มที่ เธอเรียนรู้ทุกอย่างในแผนกงานด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องอธิบายซ้ำ
นี่แหล่ะความเป็นตัวของเธอที่บรรดาเพื่อน และคนที่แวดล้อมในตัวเธอจะทึ่งในความเป็นตัวของเธอเองเสมอ
…………………………………………………………………………………………………… บรรยากาศตอนเช้าของการทำงานได้เริ่มขึ้นเมื่อเสียงกริ่งโทรศัพท์ได้ดังขึ้นที่โต๊ะทำงานของศศิ
“คุณศศิค่ะบอสวชิยุทธเชิญพบที่ห้องทำงานค่ะ”โทรศัพท์จากสุดาได้ดังขึ้น
ศศิได้เดินไปที่ห้องทำงานของวชิยุทธอย่างรวดเร็ว
“เชิญนั่งครับ”วชิยุทธพูดพร้อมกับผายมือให้ศศินั่ง
“ขอบคุณค่ะ!”ศศินั่งพร้อมกับกริยาที่กระวีกระวาดพร้อมที่จะรับงานตามที่เจ้านายสั่ง
“ผมอยากที่จะให้คุณส่งอีเมล์ถึงลูกค้าคนที่สำคัญของบริษัทเรา แต่ว่าเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมมั่นใจว่าคุณทำได้ แต่ว่าผมขอเช็คดูก่อนที่คุณจะส่ง ดังนั้นช่วยกรุณาส่งไปที่อีเมล์แอดเดรสของผมก่อน ผมจะส่งกลับให้คุณหลังจากที่ผมเช็คเรียบร้อยว่าถูกต้อง โอเค!”
“ได้ค่ะดิฉันจะทำตามที่บอสส ต้องการ แต่วาบอสส ค่ะเเล้วลูกค้าของเราชื่ออะไรค่ะ”
“อ้อ!ผมลืมไปเขาชื่อ มิสเตอร์ รเชน เอฟ ฟอกซ์ เป็นลูกครึ่งไทยแคนนาเดี้ยน เขาเป็นเจ้าของกิจการที่มีอำนาจในการบริหารอย่างเด็ดขาดมาได้สองกว่าปีแล้ว และบริษัท ซิตร้า ซอฟแวร์ในตอนนี้ แต่อีเมล์ที่ผมต้องการให้คุณเขียนนั้นมันเป็นอีเมล์ที่แสดงความขอบคุณเขาในการที่เขาได้มอบซอฟแวร์ตัวใหม่ในระบบการทำงานของเรา คุณคงรู้หลักการเขียนให้ประทับใจคนอ่านน่ะครับ”
“ค่ะดิฉันเข้าใจที่บอสสต้องการค่ะ ดิฉันจะพยายามสุดความสามารถค่ะ”
“ตกลง ตามที่ผมบอกคุณก็แล้วกันน่ะ เสร็จแล้วค่อยส่งงานมาให้ผมเช็คอีกทีหนึ่ง”
“ค่ะ บอสส”
เธอรับคำพร้อมกับโค้งคำนับก่อนที่จะเดินออกไปจากโต๊ะทำงานของวชิยุทธศศิได้ทำงานตามที่เขาต้องการโดยที่สงสัยในการที่วชิยุทธทำไมไม่สั่งงานผ่านสุดาที่เป็นเลขานุการ ทั้งที่สุดาเองมีประสบการณ์แลความเชี่ยวชาญในการทำงาน พร้อมที่เจ้านายได้ไว้วางใจให้ทำงานแทนได้ และอย่างเธอเป็นแค่พนักงานใหม่ที่ยังไม่มีผลงานแต่ฉะนั้นเหมาะแล้วหรือที่เจ้านายจะต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับพนักงานใหม่เยี่ยงเธออย่างไม่จำเป็นคำถามนี้มันเริ่มที่จะเข้ามาในความคิดของศศิแต่ทว่าเวลาที่เธอได้คิดถึงเรื่องนี้มันให้เธอรู้สึกที่แปลกประหลาดในสิ่งที่เธอพบพึ่งจะพบเจอ แต่เธอต้องปล่อยให้มันผ่านไปเพราะงานที่เธอได้รับมอบหมายมันอยู่ตรงคอมพิวเตอร์ด้านหน้า
การทำงานที่เร่งด่วนก็เป็นไปตามที่วชิยุทธต้องการเมื่อบนจอคอมพิวเตอร์ของวชิยุทธได้มีอีเมล์ของศศิที่พร้อมที่จะส่งให้ลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญสำหรับบริษัทได้รับจากศศิเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่การเช็คไม่มีอะไรที่ต้องแก้ไขจากการทำงานของพนักงานใหม่คนนี้ ซึ่งวชิยุทธเกิดการพึงพอใจในการทำงานของเธอ แต่ก็ยิ่งทำให้วชิยุทธเพิ่มความสนใจในตัวเธออย่างเงียบๆพร้อมทั้งความสงสัยของศศิที่มีกับเจ้านายเช่นกัน
“คุณศศิค่ะ ดิฉันมีงานที่เกี่ยวกับเอกสารที่จะจัดส่งให้กับลูกค้าคนสำคัญของบริษัทเราจะให้คุณทำ”สุดาได้พูดพร้อมกับเดินมาที่โต๊ะทำงานของศศิ
“ได้ค่ะ แต่ขอให้คุณสุดาให้ฉันดูก่อนได้ไหมค่ะ?”
“นี่งัยค่ะทั้งแฟ้มงานทั้งหมดนี่เลย”
“ฮ้า!ทั้งแฟ้มนี่เลยหรือค่ะที่ดิฉันต้องทำ” เสียงของศศิพูดพร้อมกับน้ำเสียงประหนึ่งตกใจในสิ่งได้รับมอบหมาย
“ใช่แล้วค่ะ! และดิฉันต้องการพรุ่งนี้เวลา 9 โมงเช้า” คำพูดของสุดาฟังดูราบเรียบคล้ายกับไม่ต้องการความรู้สึกที่แท้จริงให้คนที่สนทนาด้วยได้รับรู้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจของตนเอง
“แต่คุณสุดาดิฉันไม่มั่นใจว่าจะเสร็จตามที่คุณต้องการหรือเปล่า เพราะว่ามันตั้งสามร้อยกว่าหน้า ซึ่งศัพท์ที่มีอยู่จะเป็นศัพท์พวกเทคนิคเชียลเทอมทั้งนั้นเลย ดิฉันไม่มั่นใจเลยน่ะค่ะ” ศศิพูดด้วยน้ำเสียงที่ละห้อยและตรงไปตรงมา
“ไม่มีข้อแม้ใดๆเลยทั้งๆที่คุณเพิ่งที่จะเริ่มงานใหม่ โอเค!” ศศิไม่มีข้อโต้แย้งอันใดที่จะพูดต่อไปนอกจากการที่เธอต้องก้มหน้าก้มตายอมรับคำสั่งที่สุดาที่เป็นเสมือนรุ่นพี่ในที่ทำงานที่มีประสบการณ์มากกว่าธอ 8 ปี
………………………………………………………………………………………………………
“คุณศศินี่เป็นเวลาที่เลิกงานแล้ว คุณยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ” เสียงของวชิยุทธถามพร้อมกับการที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของศศิ
“บอสส ค่ะงานที่ทำยังไม่เสร็จเลย และดิฉันต้องทำให้เสร็จก่อน 9 โมงเช้าของวันพรุ่งนี้”
เธอพูดพร้อมกับอาการที่กระวีกระวาดในการทำงานโดยไม่สนใจคนที่สนทนาอยู่ด้วย
“ทั้งแฟ้มงานนี้เลยน่ะหรือ”
“ใช่แล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นมันไม่ง่ายสำหรับคุณเลยน่ะ”
“ค่ะแต่ดิฉันคงพยายาม อย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้”
“งั้นผมไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณแล้วน่ะ”
พูดเสร็จก็เดินออกจากโต๊ะที่ศศิทำงานอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนมุมปากของเขาเอง เวลาได้ล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็นเสียงกริ่งโทรศัพท์ก็ดังขึ้นบนโต็ะทำงาน
“สวัสดีค่ะ! บริษัท ทอร์สัน ไอที คอมพานี่ลิมิตเดต ดิฉัน ศศิ บุญธนาศิลป์รับสายค่ะ”
“โอ้โฮ!แม่ยอดหญิง ยังทำงานอยู่เหรอย่ะ มิน่าหล่ะฉันโทรเข้าที่มือถือถึงไม่รับสาย มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ แม่ทูนหัว” เสียงของพรวาดสัพยอกมาตามสาย

The Novel((( The Heart Light))))

(((((((The Heart Light)))))))
"หัวใจพิสุทธุ์"
By Witchfox555
In 2007 years at The Suwannabhoom airport on Monday 15 February at 04:47 pm ..Tackley has looking for his friend who will pick up
He heres!! Because is american guy who never been here in Thailand ..althought he’s 41 years old..that’s everythings be strange and new for him!!
Although Tackley ever been travelling around country on the earth but he never been and knows how is Thailand though he’s journalist guy…In time makes he will know what’s strange to him because he will be work here with the publisher in Thailand and then he will has many planning to do here between 3 months!!
The people messy in the airport includes sound to notice and infromation they are walk to swaying ! Tackley still looking for the officer from The Bangkok Publisher to pick up him and suddenly his eyes has see a woman she’s asain ..she’s tall about 168cms with hers tan skin and eyes has got brown colour within fantastic when has look at her!because with she’s good body stronger personalities,….and she curry brown hair !! and Tackly see her talking with asain a woman and european man!!..that’s european man he’s should be around 5o years old !He’s with skin and fat body but he’s eyes as same as happiness with the woman who beside t him!!And he leads by the hand with this woman asain to goin exchange money but tall woman still standing to there by alone but she eyes has looking around all the the people in the airport since her’s eyes has stopped to Tackley!! And she Gives smiling from her eyes and face to Tackle as like purely and innocent!!
Tackley has got feeling warmth heart to seen purely from her! As he ever seen this smiling from a person he met last year ago!
Ah!!He wants to talking to her!! But!! Suddenly!!
“Sorry!! Are you Mr,Tackley Centrel Febcont or not?
As he is thai guy!! Tackley has answer his question! “Yes!!I’m”
“Oh! I’m from Thaipost Publisher my name’s Tunchad Thinrat and I’m journalist staff here also…my editor he told me to pick up you today”thai journalist guy has advice hiself by fluently english as american native so makes Tackley feeling familiar to talk with him as lik american also!

The Poem(((((If)))))



" IF"
Hi!! if that be right!...
Hi! if there have you right!
Hi! if the sky belong to the starlight right..
Hi! if that the date we met by right!
Yes! my dearest you are in mine minds
"Always"









The novel((((( The River)))

........."The sun touch my skin...
Your heart , feeling to me....
Once your whisping to my ears....
My soulheart as the swing!!!"
"Raymond ..Please I kneel you...
Raymond Please come to me dearest...
Raymond Listenning to carefully......
My Dearest Raymond I born to be to love you .....I born to be your treasure ..I born to be to beside your,
where have you .that sign my shadow with you now and forever .......The God please let us will see the next
lifes ..the river from the holyland please !! Help me...I,Sarawina pleadge and promise if we our heart become the one "............................""
Tony awake from slpeeing to ..he gets sweating to whole his body because such as he heard that real vioce from that the lady
crawn in the river side ! he doesn't know how much his feeling inside ..because he knows only he wants to see the man who be his gide
from this country ..may the gide can give him answers for all he wants !

Thai novel((มายาหัวใจ)))




เสียงสดับรับฟังแห่งราตรีกาล ณ แห่งห้วงวิมานสิเสน่หา จอมเจ้าราชาแทบ
วายปราณ เพียง คนึงคิดถึงเยาวมาลย์ ยอดดวงใจ เจ้าพิลาลัยสิ้นลม ทิ้งพี่เดียวดาย
ไร้เจ้าเคียงกาย ณ เพลา ใยเจ้าร้างราพี่ยอดดวงใจ ความผิดที่หลงเชื่อ คนมุ่งคิดริษยาเจ้า
ดาราแห่งดวงใจพี่ ตัดสินประหารเจ้าด้วยวิถีที่ผิด ธรรม ขอดวงวิญญาณเจ้าจง อภัยพี่
โดยพลัน แล้วพี่จะตามเป็นบ่วงบาทเจ้าทุกภพ เอย……….
น้ำตารินหลั่งแทบสายนที ที่มิหยุด มันได้ผลุดออกมาจากบุรุษที่ท่าทาง สง่า ผ่าเผย
ดูน่าย่ำเกรงในที บ่าสองข้างอันกำย่ำ ใบหน้าที่แสนจะคมเข้มด้วยคิ้วที่ดกดำขำ ร่างอันทรง
สง่า แลน่าพิจประดุจเทพบุตรจากเบื้องบนลงมาจุติ แต่ทว่า ณ ราตรีนี้เยี่ยงทรมานแทบสิ้นลมปราณ ผ่ามือทั้งสองได้ลูบพรหม บนใบหน้าของบุรุษ พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ออกมาจากลำคอ อย่างเเสนรวดลึก คำที่พร่ำเพ้อ ออกจาก วจี คล้ายเสียงคีตาเหมันต์ที่รัญจวน ที่คร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก แท้จริงหรือ บุรุษที่เพียบพร้อมไปด้วยทุกอย่าง เสวยสุขอยู่บนบัลลังก์ทอง กับทุกข์ทรมานเยี่ยงนักโทษที่โดนทัณฒ์รอวันลาลับจากโลกนี้ไปด้วยดาบของเพชฆมาฒ ณ แดนประหาร แต่ทว่าบุรุษท่านนี้เสมือนสิ้นแล้ววจีที่เอ่ย รอวันที่จากลาโลกนี้ไปเพื่อตามหาสิ่งที่พรากจาก เขาไป
เสียงลมโชยมาทางหน้าต่างที่รับกับผ้าม่านอันแสนพิจิตรที่ประดับไว้เพื่อเจ้าชีวิตในแผ่นดิน ได้ปะทะกับร่างบุรุษท่านนี้พร้อมกับ เสียงครางที่แผ่วพร่าออกมาจากปากที่ความจำนรรจ์ ปรารภถนาที่จะเอื้อนเอ่ยออกมมาเป็นคำมั่นสัญญาชั่วฟ้าดินสลาย……
“ด้วยใจอันภักดิ์ต่อเจ้ามิวางวาย เจ้าเขมิกา แห่งข้า เยี่ยงภพหน้ามีจริง พี่ขอเป็นที่พักแอบอิงให้กับเจ้า ให้เจ้าเขมิกายอดกัลยาแนบชิด ให้เจ้าเขมิกาลิขิตชีวิตพี่ เพียงเจ้าองค์กัลยาของพี่มีสุขเปี่ยมแท้ ตัวพี่ขอเป็นทาสเบื้องบาทรับใช้เจ้าทุกภพ ชาติไป ความผิดที่พี่ได้กระทำ พี่พึงรับการกระทำอันโง่เขลา เพียงเพราะพี่นี้หนา ปัญญาเบา ขลาดเขลาไม่ไตร่ตรอง เจ้าเขมมิกากัลยาของพี่ เจ้าจงรอการจุติพร้อมพี่มั่นคง ต่อไป ภพหน้าคงได้พบเจ้าเป็นแน่แท้ ขอเทพยดาเทพารักษ์แห่งศรีสุโขทัย พร้อมด้วยเบื้องบนแลเบื้องล่างทั่วทั้งทิพยวิมานร่วมเป็นพยานกับตัวข้าที่กล่าว ณ มั่นคง ด้วยข้า ศรีสิโนรสเจ้า แห่งกษัตริย์เจ้าสุโขท้ย น้อมรับคำที่กล่าววจี” พลันสิ้นสุรเสียงแห่งราชัน ก็ได้มีลมพลันวูบผ่านมาที่หน้าต่างแห่งองค์ราชันพร้อมกับกระแสแห่งสายฟ้าฟาบฟาด ได้ทิ้งกระแสลงที่พื้นดินแห่งศรีสุโขทัยโดยที่ไม่มีเค้าฝนส่อเค้าว่าจะตก ฤาคำแห่งสัตตายาธิฐานนั้นได้เป็นจริง แต่สายฟ้าที่ฟาดลงโดยไร้พระพิรุณโปรยปรายทำให้ประชาราษฎร์แห่งศรีสุโขทัย พลันตกใจและโจษร้องกันระหม อันว่าอาเพศได้บังเกิดจากการที่ได้สูญเสีย พระแม่ศรีเขมมิกาเจ้าผู้เมตตา ที่เปรียบเสมือนแก้วมณีที่สาดส่องไปทั่วหล้าพลันอาเพศก็บังเกิด เช่นนี้
ณ บัดนี้สายตาแลไปในสิ่งที่บังเกิดขึ้นในเบื้องหน้าของพระศรีสิโนรสเจ้า ทำให้โอษฐ์แห่งจ้าวชีวิตของศรีสุโขทัย ได้เอื้อนเอ่ยมาว่า
“ ณ ราตรีที่ข้าได้ไร้นางเจ้าเขมมิกาเคียงกาย และองค์เทพทวยไท้ได้รับรู้เป็นนิรันดร์แล้วว่า สัจจาแห่งข้าเป็นนิรันดร์และมั่นคงไท้ เพียงอภินิหารได้บังเกิดข้าเยี่ยงรู้
ต่อแต่นี้ไป ข้าจะทรงพากเพียรแห่งพุทธศาสนาอย่างเยี่ยงนางเจ้าเขมมิกา เพื่อเป็นสัญญาแห่งการเริ่มต้นการลบล้างความผิดที่ข้าได้กระทำต่อนาง ข้าจักบำรุงพุทธสถาน บำรุงพระ
สงฆ์ บำรุงประชาราษฎร์ด้วยความยุติธรรมและมั่นคง ข้าจักตามเจ้า นางแห่งข้า เจ้า
เขมมิกา.”
……………………………………………………………………………………….
“จา จา จา ตื่นเร็วทำไมมานอนที่ห้องรับแขกหล่ะป้าได้เตรียมห้องให้เราแล้วไม่ใช่เหรอตั้งแต่ เมื่อวาน แล้วนี่อะไรหนังสือและกระดาษวางเกลื่อนกลาดไปหมดเลย”นาจิตรลดาผู้เป็นป้าของ จารุวาด กรนเสียงคล้ายดุจารุวาด เพราะนางนั้นเเสนที่จะอาทรในหลานนาง ยิ่งนักเมื่อเห็นจารุวาดหลับสนิทท่ามกลางโน๊ตบุ๊คและหนังสือวางระเกะระกะยิ่งทำให้นางยิ่งย้อนไปถึงอดีตตอนที่จารุวาดเรียนปริญญา นางเองจะเห็นหลานสาวที่เปรียบเสมือนบุตรีคนหนึ่งของนางต้องทำงานและเรียนไปพร้อมๆกัน ถึงภาระที่จารุวาดพึงมีที่จะได้รับนั้นนักหนาเป็นกิจวัตร นางจิตรลดาเองไม่เคยเห็นความอ่อนล้าที่จะแสดงออกมาให้นางได้เห็นของจารุวาดเอง เพราะนางรู้ดีว่า จารุวาดของนางนั้นแสนที่จะเก็บความรู้สึกไว้ได้เพียงลำพังผู้เดียว ซึ่งตรงข้ามกับการที่จารุวาดพร้อมที่จะช่วยเหลือหรีอให้คำปรึกษาใครได้ทุกเมื่อ กับทุกๆคน แต่หลานอันเป็นเยี่ยงบตรีของนางนั้นเหล่า ไม่เคยไว้วางใจใครเลย บ้างครั้งแม้กระทั่งนางเอง คล้ายกับจารุวาดอยู่โลกที่มีเพียงเธอเพียงลำพัง แลคล้ายกับจารุวาดตั้งตารอใครสักคนที่เธอรอมาเนิ่นนาน นางจิตรลดา เดาเหตุการณ์ได้เช่นนี้ เพราะยามที่จารุวาดละเมอเธอจะเพ้อถึงใครคนหนึ่งเป็นประจำ แต่ครั้นนางจิตรลดาจะระลึกให้ได้นางพลันลืมเสียง่ายดายคล้ายกับอะไรบ้างอย่างแสร้งให้นางต้องลืมทันพลัน บางครั้นแห่งห้วงความคิดของนางเอง นางคล้ายจะรู้สึกว่าจารุวาดล่วงรู้ความคิดของนางเองได้เด่นชัดโดยทีนางไม่ได้เอ่ยปากกล่าวแต่อย่างไร

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

In my heart



“In The night feeling so isolated,
The wind touch my face,
When I’m standing on the window,
Suddenly! My head,
Thinking of someone who I met,
Where is he!!
He hold to someone,who he loves!!,
Once my thought that,fallen torn face,
I’m weepping by wound,
Sounds of melody hurt have beginning to,
*****Where is he*********
*****Where is he********
**** I miss you so baby!!*******((( Repeat 3***))))



The Novel and Whole Artworks!